Wednesday, June 29, 2016

ล้วงใจ! เป๊ก วินาทีขอ นิว แต่งงาน เกิดจากหัวใจที่มั่นคง


หลังจากที่ลงทุนทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว "นิว นภัสสร ภูธรใจ" กลางเวทีคอนเสิร์ต จนกลายเป็นกระแสฟินเวอร์โดนใจแฟนๆ ทั่วประเทศแล้ว ล่าสุดพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี "เป๊ก เปรมณัช สุวรรณานนท์" ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงแผนเซอร์ไพรส์ดังกล่าวโดยเจ้าตัวเผยว่า ทั้งหมดมีการเตรียมการเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เนื่องจากได้เปลี่ยนแปลงสถานที่จากเดิมตั้งใจไว้ว่าจะเป็นทริปชมแสงเหนือในต่างประเทศ กับกลุ่มเพื่อนสนิท แต่ตนมองว่าหากได้ขอฝ่ายหญิงในสถานที่ๆ มีแต่คนที่รักน่าจะทำให้มีความสุขมากกว่า

ซึ่งหลังจากนี้หนุ่มเป๊กตั้งใจจะควงสาวนิวไปดูฤกษ์แต่งงานกับพระผู้ใหญ่ที่นับถือ แต่เนื่องจากเจ้าตัวมีแพลนจะเข้าพิธีอุปสมบททดแทนพระคุณพ่อแม่ในช่วงปลายปีนี้ ดังนั้นการจัดงานวิวาห์ก็น่าจะถูกจัดขึ้นภายในปีหน้า...

ขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ตไปแล้วเป็นยังไงบ้าง ?
"เอ่อ...วันนั้นคิดว่าตื่นเต้นแล้วนะ แต่เชื่อไหมว่าวันนี้ตื่นเต้นมากกว่าอีก คือเราทำมันไปแล้ว และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าฟีดแบคจะออกมาในรูปแบบนี้ มีความสุขดีครับ แฮปปี้"

เราเตรียมการมานานขนาดไหน ?
"แทบจะไม่ถึงเดือนครับเนื่องจากว่ามันมีการเปลี่ยนแผน คือตอนแรกเลยผมตั้งใจจะไปขอเขาที่ แสงเหนือ ในต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็คิดว่า เอ๊ะ...เปลี่ยนใจมาขอเขาที่แสงดาวแทนดีกว่า เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีคนที่รักเขาอยู่เยอะ หลังขอเสร็จแล้วเขาน่าจะกอดคนที่รักเขาได้หลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เพื่อน หรือใครก็ตามที่รักเขาทั้งหมด"

มีใครรู้บ้างว่าเราจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานบนเวที ?
"น้อยมากครับ ขนาดอ๊อฟยังเหวอเลย (ยิ้ม) ก็อย่างที่บอกคือเรามีเวลาเตรียมการน้อยมาก แต่ก็โชคดีอีกเหมือนกันตรงที่มีพี่ๆ ที่รักเราสองคนเขามาช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการจัดไฟ การจัดแสง รวมถึงเรื่องดนตรี คือพี่ๆ ทุกคนช่วยผมเต็มที่มากเลยครับ"

ทำไมเราถึงเลือกจะขอเขาแต่งงานด่วยวิธีนี้ ?
"การขอแต่งงานนักร้องจะให้ไปขอที่ไหน (หัวเราะ) ดังนั้นผมก็เลยคิดว่านี่แหละจะต้องขอเขาบนเวทีน่าจะดีที่สุด บวกกับเพลงที่ผมเคยแต่งพอได้นำมาร้องในวันนั้นมันก็ยิ่งสื่อความหมายให้ลงตัว แต่ถามว่าตื่นเต้นมากไหม ก็...ไม่มากหรอกครับ เพราะปกติผมก็มีเซอร์ไพรส์ให้เขาบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะตกใจว่าทำไมผมถึงกล้าไปขอบนเวทีคอนเสิร์ต ซึ่งอันนี้จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นนะ เพียงแต่ผมแค่อยากทำให้มันดีที่สุดสำหรับเขาก็เท่านั้นเอง"

วินาทีนั้นลุ้นไหมว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า ?
"ลุ้นเหมือนกันครับ เพราะตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะมองตาแล้วก็รู้ว่าต้องเซย์เยส แต่ของจริงมันไม่ใช่แบบนั้น (หัวเราะ) ทุกอย่างมันเป็นสถานะการณ์สดๆ หมดเลย"

น้ำตาไหลกันทั้งคู่เลย ?
"พอขึ้นมาบนเวทีก็เห็นเขาน้ำตาซึมแล้วครับ ส่วนตัวผมเองก็ร้องเพลงไปน้ำตาไหลไป แต่วินาทีนั้นมันต้องบังคับตัวเองไงครับว่าอย่าสะอื้นต้องร้องเพลงให้จบ สุดท้ายก็ฮึบๆ จนพูดประโยคสุดท้ายได้"

เราบอกว่าไม่ตื่นเต้นแต่ก็ถึงขนาดสวมแหวนผิดมือนะ ?
"อันนั้นไม่ใช่มุขเลยนะ (หัวเราะ) คือวินาทีนั้นได้เห็นมือก็อยากจะสวมแหวนแล้วอ่ะ"

ก่อนจะไปขอได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไว้หรือยัง ?
"เรียบร้อยแล้วครับ คือแผนทุกอย่างนิวเขาไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพราะเอาจริงๆ แผนนี้ถึงแม้เราจะวางไว้ไม่ถึงเดือน แต่ผมก็คิดมาเป็นปีๆ แล้ว เนื่องจากตอนแรกจะไปขอเขาที่แสงเหนือ เพื่อนๆ จองตั๋วเครื่องบินกันเรียบร้อยแล้วด้วย แต่สุดท้ายเราก็มองว่ามันใช่ เลยเปลี่ยนมาขอเขาในที่ๆ มีแต่คนที่รักเขาดีกว่า"

แสดงว่าเราเองก็พร้อมมานานแล้ว ?
"ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะว่าทำไมถึงพร้อม แต่ความพร้อมมันน่าจะหมายถึง ผมไม่ได้พร้อมเรื่องเงินหรือปัจจัย แต่ผมพร้อมด้วยใจที่มั่นคง ดังนั้นการขึ้นไปขอเขาบนเวทีมันเลยไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม และการที่เราไม่ได้ตื่นเต้นมากมันก็คงเป็นสัญญาณที่บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับผม"

เตรียมการเรื่องงานแต่งงานไปถึงไหนแล้ว ?
"เอ่อ...ฤกษ์ขอผ่านไปแล้วนะครับ ส่วนฤกษ์แต่งยังไม่ได้คุยกับหลวงพี่ทีเลย เพราะมันต้องไปกันเป็นคู่ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงประมาณปีหน้านะ"

แล้วสำหรับการบวชที่เราเคยเกริ่นๆ ไว้จะมี ?
"ก็คงต้องมีก่อนแต่งงานครับ น่าเป็นในช่วงปลายๆ ปีนี้ เพราะตั้งใจไว้ประมาณนั้น"

ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเขาใช่แล้ว ต้องแต่งกับคนนี้เท่านั้น ?
"ก็ไม่รู้ว่าจะรอไปทำไมนะ เพราะอีกกี่ปีก็ต้องเป็นคนนี้ คือผมไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนใจหรืออะไรแล้ว อีกอย่างเขาคือคนดี เขาคือคนที่จริงใจ น่ารัก ไม่มีพิษมีภัย เอ่อ...ไม่รู้สำครับ มันบอกไม่ถูกจริงๆ รู้แค่ว่าเขาใช่"

เพื่อนๆ รอบข้างว่ายังไงบ้าง ?
"ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนนี้ก็พยายามหลบๆ คนรอบข้างเพราะมันมีฟีดแบคเยอะมากจริงๆ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดกับคนอื่นยังไง"

แหวนที่สวมให้เป็นแหวนอะไร ?
"เป็นแหวนเพชรครับ ส่วนเรื่องกี่กะรัตหรือเท่าไหร่นั้นผมคิดว่าเน้นเรื่องหัวใจดีกว่า (หัวเราะ)"

แล้วแหวนแต่งงานตั้งใจจะให้เป็นแบบไหน ?
"ผมคิดว่าจะให้เขาเป็นคนดีไซน์เองครับ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบออกแบบ ชอบวาดรูปอยู่แล้ว (ยิ้ม)"

From: http://news.sanook.com/2021166/

Monday, June 27, 2016

เจนี่ เปิดใจเคลียร์ปัญหาที่จอดรถกับ บุ๋ม ปนัดดา







ไม่รู้ว่าจะเป็นการปิดฉากดราม่าได้หรือเปล่า สำหรับการออกมาแถลงข่าวถึงประเด็นร้อนเป็นครั้งแรกหลังจากที่รูดซิปปากมานาน สำหรับนางเอกหุ่นสตรอง "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" เจ้าของสถานออกกำลังกาย 911byJT เกี่ยวกับกรณีดราม่าแย่งที่จอดรถลูกค้า กับนักแสดงสาวอดีตนางงาม "บุ๋ม ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ซึ่งได้เช่าพื้นที่เพื่อเปิดเฟสเนตภายใต้ชื่อ SMASH GYM (สแมชยิม)

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ทางด้านของ "บุ๋ม ปนัดดา" และสามี "เอก เอกริน นิลเศรษฐี" ก็เคยออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมทั้งระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่คาราคาซังกันมานานหลายเดือนแล้ว และที่ผ่านมาตนก็พยายามติดต่อสาวเจนี่ รวมถึงคนใกล้ตัวเพื่อทางออกมาตลอดแต่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เป็นผล จนสุดท้ายเจ้าตัวถึงได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความลงอินสตาแกรมเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ในฐานะผู้เช่า พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอเป็นเงินจำนวน 3,000,000 บาท สำหรับค่าก่อสร้าง และจะถอนตัวออกจากพื้นที่ทั้งหมดทันที

ซึ่งล่าสุดวันนี้ 27 มิ.ย. นอกจาก "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" และ "ทนายเจมส์" ทนายความส่วนตัว จะออกมาชี้แจงรายละเอียดทางฝั่งของตัวเอง พร้อมทั้งนำหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับการเปิดคลาสทับซ้อนของอีกฝ่ายมาเผยต่อสื่อแล้วนั้น เจ้าตัวยังระบุอีกด้วยว่ายินดีจ่ายเงินตามข้อเสนอของอีกฝ่าย แต่จะให้ย้ายออกเมื่อไหร่นั้นขอเก็บไว้เป็นข้อมูลภายในระหว่างการตกลง

ส่วนเรื่องสัญญาที่ บุ๋ม ปนัดดา อ้างว่ากลายเป็นโมฆะไปตั้งแต่แรกนั้น สาวเจนี่ยืนยันว่าสัญญาทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่ที่อีกฝ่ายออกมาให้ข้อมูลว่าได้ทวงถามสัญญาตลอด 3 เดือน แต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับนั้น เจ้าตัวยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการติดต่อมาโดยตรงจึงทำให้ไม่ทราบเรื่อง อีกทั้งส่วนตัวมองว่าสัญญาเป็นเหมือนชีวิตเนื่องจากตนเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ดังนั้นคงต้องขอใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ถ้าจะให้ตอบกลับทันทีเลยคงเป็นไปไม่ได้

แต่ในส่วนที่จอดรถที่อีกฝ่ายเผยว่าเป็นปัญหาใหญ่ เจ้าตัวยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง แต่จะเกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลา 1 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น อีกทั้งที่ผ่านมาตนก็ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยการเช่าพื้นด้านข้างเพื่อรองรับลูกค้าแล้ว และยืนยันด้วยว่าเจ้าหน้าที่รับรถไม่เคยพูดจาไม่ดีกับลูกค้าของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องขอโทษลูกค้าของสแมชยิมเช่นกันที่เกิดปัญหานี้ขึ้น

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับ บุ๋ม ปนัดดา นั้น สาวเจนี่ก็ได้ยืนยันว่ายังสามารถร่วมงานและพูดคุยกันได้ปกติ เพราะอีกฝ่ายก็คือรุ่นพี่ในวงการที่ตนให้ความเคารพ แต่ในฐานะคนทำธุรกิจคงไม่ขอร่วมหุ้นกับใครอีกแล้วเช่นกัน




From: http://news.sanook.com/2019790/

สาวท้องแก่ เดินเท้ากลับบ้านต่างจังหวัด เป็นลมข้างถนน ถามถึงผัวโคตรเลวกับสิ่งที่ทำ!


สุดสลด เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 59ที่ผ่านมาทาง เฟซบุ๊กของ กู้ภัยไทยแลนด์News ได้รายงานว่า พบหญิงสาวท้องแก่ อายุ20-25 ปีเป็นลมข้างถนน ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา




จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า เป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด มาอยู่กับแฟนหนุ่มแถวปิ่นเกล้า เมื่อแฟนรู้ว่าตั้งท้องจึงไล่ออกจากห้อง ส่วนฝ่ายสามีก็ย้ายห้องหนีไปไม่รับผิดชอบ  จึงตัดสินใจเดินเท้ากลับบ้าน แวะนอนตามป้ายรถเมล์  ไม่ได้ทานข้าวมา 2 วันแล้วเพราะไม่มีเงินติดตัวเลยอาสากู้ภัยให้การช่วยเหลือพาไปรับทานอาหาร และส่งค่ารถโดยสารให้กลับภูมิลำเนา

From: http://kanomjeeb.com/news-details.php?item=6391

Sunday, June 26, 2016

โลกนี้อยู่ยาก!! หนุ่มใหญ่เที่ยวโอเกะฯ เดินไปพูดแค่คำเดียว เจอชักปืนยิงใส่ ตาย1 เจ็บ1 (มีภาพ)


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 22 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่ร้านวันเพลเก่า คาราโอเกะ เลขที่ 119 / 34 หมู่ 1 ตลาดซอย 1 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี  มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจึงรุดไปตรวจสอบพร้อม แพทย์เวร โรงพยาบาลชลบุรี และกู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์


ที่เกิดเหตุ พบภายในร้านคาราโอเกะ โต๊ะอาหารล้มระเนระนาด มีเศษขวดแตกเกลื่อน ที่พื้นมีร่างนายภูมิชาย อิสสระวิริยกุล อายุ 50 ปี อดีตปลัดอำเภอเกาะสีชัง ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. ที่ไหล่ขวา 1 นัด นอนจมกองเลือดร้องครวญครางอาการสาหัส  เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯต้องรีบนำร่างส่ง รพ.ชลบุรี ห่างออกมาเล็กน้อยพบศพนายฉลาด อนุรักษ์ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 / 8 ณ.ถนนพระยาสัจจา หมู่ 3 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ถูกยิงเข้าที่บริเวณคาง 2 นัด นอนเสียชีวิตข้างเวที 




จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ ทราบว่ากลุ่มคนร้ายมานั่งดื่มกินและร้องเพลงที่ร้าน กระทั่งสั่งเช็คบิล แต่คนร้ายจะไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาหาร และได้บอกให้ปิดร้านเลย อย่าเปิดอีก จากนั้น นายภูมิชาย อดีตปลัดอำเภอเกาะสีชัง ได้เดินเข้าไปถามคนร้ายว่า "ใหญ่มาจากไหน" ถึงสั่งปิดร้าน  หลังจากนั้นทั้งคู่ได้ทะเลาะกันจนมีการชกต่อยกันจนล้มลง  ส่วนผู้ตายได้มาช่วยผู้บาดเจ็บจนเกิดชกกันอีกคู่   จนกระทั่งผู้ชายใส่เสื้อดำได้ชักอาวุธปืนยิงใส่นายฉลาด  ผู้ตายอย่างใจเย็น จนฟุบลงและเสียชีวิตคาที่  หลังจากนั้นได้หันมายิงนายภูมิชาย อดีตปลัดอีกหลาย นัดจนล้มลง แล้วก็เดินออกจากร้านไปขึ้นรถเก๋งสีดำอย่างใจเย็น  ขับหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อจะได้ติดตามจับกุมมือปืนรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้แล้วว่ามือปืนเป็นใคร แต่ยังเปิดเผยไม่ได้

From: http://www.77jowo.com/content/2237/

ชาวบ้านเข้าป่าหาเห็ด เจอหมีโดดจากต้นไม้ทำร้าย เจ็บสาหัส


ชาวบ้านออกหาเห็ดหลังวัดภูพลาญสูง อำเภอนาจะหลวย ถูกหมีขนาดใหญ่ กัดศีรษะ ลําคอ และมือขวา บาดเจ็บสาหัสถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี

(26 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์ข้อความและรูปภาพ ชายวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ระบุว่าเป็นชาวบ้านเข้าไปหาเห็ดด้านหลังวัดภูพลาญสูง อ.นาจะหลวย ถูกหมีตัวใหญ่เท่าควาย กระโดดลงมาจากต้นไม้ กัดศีรษะ ลําคอ เเละมือขวา อาการสาหัสถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อ.เมืองอุบลราชธานี

จากการตรวจสอบแหล่งข่าวในพื้นที่พบว่า มีรายงานการรับผู้บาดเจ็บชายหญิง 2 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลนาจะหลวย โดยแพทย์ได้ส่งต่อผู้บาดเจ็บชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายสมพร อายุ 27 ปี ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ขณะนี้แพทย์ได้ทำการรักษาบาดแผลและนำฟันของหมีที่หักติดมากับแผลออกพร้อมทั้งให้นอนพักรักษาตัวดูอาการอยู่ที่ตึก 1 ชั้น 2 ของโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์

ด้านนายธีระยุทธ วงศ์ไพเสริฐ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อ.นาจะหลวย เผยว่า ได้รับการรายงานเรื่องชาวบ้านถูกหมีกัดแล้ว ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในส่วนป่าของอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย อยู่บริเวณป่าด้านทิศใต้หลังวัดภูพลาญสูง โดยบริเวณนั้นเป็นเขตหวงห้ามของอุทยานไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาเนื่องจากมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อาจทำอันตรายได้ ทางอุทยานจะประกาศเตือนให้ชาวบ้านได้ทราบและกำหนดมาตรการเด็ดขาดห้ามชาวบ้านเข้ามาในพื้นที่อีก เพราะจะเกิดอันตรายเช่นนี้ได้ทุกเมื่อ

From: http://news.sanook.com/2019170/

เป็นอิสระแล้ว “เฟิร์ส” แพะรับบาปคดีข่มขืนเด็กที่ตรัง ต้องติดคุกฟรี ออกมาเปิดใจแล้วแบบนี้!?



สืบเนื่องเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่จังหวัดตรัง ถูกคนร้ายบังคับให้ดื่มเครื่องดื่มที่มียาเสพติดผสม พร้อมทั้งข่มขืน  กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่สืบสวน และจับกุมนายศรัณย์รัชต์ หรือ เฟิร์ส ผู้ต้องหาที่คาดว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่แล้วกลับพบว่าผู้ก่อเหตุตัวจริงกลับกลายเป็นพ่อแท้ๆของเด็กหญิง ทำให้เฟิร์สต้องตกเป็นแพะรับบาปในคดีนี้ ถูกจองจำในเรือนจำนานกว่า 1 เดือ




ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา เฟิร์ส ได้รับการปล่อยตัวออกมาจากเรือนจำ หลังต้องติดคุกฟรีนานกว่า 1 เดือน ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า  “เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม อยู่ๆ ก็มีตำรวจนอกเครื่องเข้ามาควบคุมตัวตนถึงที่บ้าน ตอนนั้นรู้สับสนและงงไปหมด ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีหมายจับ ไม่มีหมายค้นมาแสดงใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ ตำรวจแจ้งว่าตนทำเด็กเสียชีวิต ก่อนจะพาตัวไปนั่งแถลงข่าว ตอนนั้นตนมึนไปหมด ให้การออกไปก็บอกปฏิเสธ เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่ก็ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ ตอนที่อยู่ในนั้นก็เป็นอะไรที่อธิบายไม่ถูก เพราะตัวเองไม่ได้ทำผิด ส่วนพ่อของเด็กหญิงที่เป็นผู้ก่อเหตุตัวจริง ตนได้เจอเฉพาะวันแรกที่เขาถูกนำตัวเข้าเรือนจำ ไม่ได้พูดอะไรกันเลย แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”

From: http://www.thesunz.com/52188


คืบหน้าคดี “เสี่ยชูวงศ์” ครบรอบ 1 ปีการจากไป ครอบครัวเผยถูกข่มขู่





จากคดีอุบัติเหตุรถยนต์ที่ทำให้ “นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง” อดีตนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ เสียชีวิต นำมาซึ่งความผิดปกติในหลายๆด้าน อีกทั้งเกิดปัญหาด้านธุรกิจเกิดขึ้น จนทางครอบครัวต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม โดยก่อนหน้านี้ ทางพนักงานสอบสวนกองปราบมีความเห็นสั่งฟ้อง พันตำรวจโท บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ขับรถให้ นายชูวงษ์ นางสาวศรีธรา พรหมา นางสาวอุรชา วชิรกุลฑล และ นางสาวกัณฑนา ศิวาธนพล ในความผิดร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม คดีโอนหุ้นมูลค่า 300 ล้านบาท










ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน2559 เป็นวันครบรอบ 1 ปี การจากไปของเสี่ยชูวงษ์ ทางครอบครัวได้ร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดเทพศิรินทราวาส พร้อมกันนี้ นางวันเพ็ญ พี่สาวของเสี่ยชูวงษ์เผยว่า “ยอมรับว่า ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของ นายชูวงษ์ ถูกข่มขู่ ติดตาม มีเสียงปืนบริเวณบ้านพักถึง 6 นัด และมีกลุ่มบุคคลพยายามติดต่อขอเจรจา แต่ทางครอบครัวปฏิเสธ” ทั้งนี้คดีโอนหุ้นของ นายชูวงษ์ อยู่ระหว่างรอพนักงานอัยการพิจารณาสำนวนคดี




From: http://kanomjeeb.com/news-details.php?item=6388